Tuesday, February 25, 2014

หัวใจคนเป็นป๊ะป๋า! เกินทำใจ ยกโทษคนประหารชีวิตลูก

คลินิกเกษตร ชาเขียวข้าวหอมมะลิ ด้วยการเห็นที่จะประดิษฐ์ราคาเพิ่มให้ข้าวไทย  นักวิจัยจากศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี กรมการข้าว จึงได้นำข้าวสายพันธุ์ไทยนำมาเป็นเครื่องดื่ม จนในที่สุดก็ได้ชาเขียวจากต้นอ่อนข้าวหอม ซึ่งทำได้โดย ตัดใบจากต้นอ่อนข้าวหอมพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105, ปทุมธานี 1 และสกลนคร อายุ 14-21 วัน นำมาทำลายชำระล้าง ผึ่งลมให้แห้ง นำมาตัดตามขวางขนาดยาว 1-2 เซนติเมตร  แล้วเอาไปคั่วในกะทะด้วยไฟอ่อนๆ หรืออบที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส จนกระทั่งใบข้าวแห้งและมีน้ำหนักคงที่ ก็จะได้ชาเขียวจากใบต้นอ่อนข้าวหอมน้ำชาเขียวจากต้นอ่อนข้าวหอมไม่มีรสฝาดเหมือนชาจีน แต่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวหอม 181391452 เพราะโควตาวิตามินและสารข้าวที่เป็นประโยชน์ต่อสายตัวนักวิจัย พบว่า ในชาเขียวจากต้นอ่อนข้าวหอมมีวิตามินซี 4.42-6.60 มิลลิกรัม/100 กรัม วิตามินอี 4.18-5.34 มิลลิกรัม/100 กรัม คลอโรฟิลล์ 7.68-8.69 มิลลิกรัม/100 กรัม และเบต้ากลูแคน 4.01-4.16 มิลลิกรัม/100 กรัม ถึงแม้ว่าจะเป็นชาวเขียวเชื้อชาติไทย แต่คุณประโยชน์ไม่แพ้ชาติใดในโลก ศักยแจกแจงได้ดังนี้ วิตามินซีมีคุณลักษณะช่วยสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกายช่วยเสริมสร้างผิวหนัง ฟัน และหลอดเลือด วิตามินอีจำเป็นต่อการเจริญและพัฒนาของเซลล์ประสาท ป้องกันการแตกทลายของเยื่อหุ้มเซลล์ ทั้งวิตามินซีและอียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ซึ่งช่วยลดและดูแลการเกิดมะเร็งอีกด้วย คลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติช่วยปลดปล่อยธาตุที่มีคุณประโยชน์ต่อขบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกาย ช่วยกระตุ้นการก้าวล่วงและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และช่วยเหลือจัดทำเม็ดเลือดแดง ส่วนเบต้ากลูแคนมีสรรพคุณช่วยลดโคเลสเตอรอล ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และลดความดันโลหิต เกี่ยวกับท่านใดที่สนใจไยดีทำชาเขียวข้าวหอมมะลิติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี ขอบคุณภาพประกอบจาก www.photos.com
ข่าวการเมือง ข่าวบันเทิง เรื่องเล่าเช้านี้ อัพเดตไว เร็วทันใจ ผ่านระบบดูทีวีออนไลน์ คลิกที่นี่!!

No comments:

Post a Comment